ประยุกต์ใช้ Colour Profile เพื่อควบคุม เครื่องพิมพ์ให้สีสันออกมาใกล้เคียงกัน


ประยุกต์ใช้ Colour Profile เพื่อควบคุม
เครื่องพิมพ์ให้สีสันออกมาใกล้เคียงกัน


ในตอนที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้ว่า การใช้ Colour Profile ในการควบคุมความคงที่ของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทมาบ้างแล้ว คราวนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการใช้ Colour Profile เพื่อควบคุมให้เครื่องพิมพ์ที่มีอยู่ให้พิมพ์แล้วแสดงสีออกมาได้ใกล้เคียงกัน

ไฟล์เดียวกันทำไมสีไม่เหมือนกัน” เป็นคำถามที่เราพบเจอกันเป็นประจำ เวลาที่พิมพ์งานจากเครื่องพิมพ์คนละตัวถึงแม้เราจะใช้ ยี่ห้อ รุ่น หรือแม้แต่วัสดุ อย่างเดียวกันก็ตาม ในการแก้ไขปัญหาที่เราพบเจอกันได้บ่อยสุดคือ การปรับไฟล์ เพื่อชดเชยค่าสีในแต่ละวิธีการพิมพ์ที่แตกต่างเพื่อให้ได้สีที่คล้ายกัน แต่ก็ต้องแลกกับความสับสนในระบบที่จะต้องมีไฟล์หลากหลายมากขึ้น เสี่ยงที่จะทำงานผิดพลาดได้มากขึ้นจากการใช้ไฟล์ผิดในการพิมพ์เรามาเรียนรู้เบื้องต้นกันก่อนว่า ทำไมสีในแต่ละวิธีการพิมพ์ถึงแตกต่างกัน นั่นเป็นเพราะว่า ปัจจัยของการพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีของเครื่องพิมพ์/หมึก ความเสื่อมสภาพวิธีการพิมพ์ หรือคุณสมบัติของวัสดุ สิ่งเหล่านี้มีผลทำให้
ผลลัพธ์ทางการพิมพ์ออกมาแตกต่างกันได้ ซึ่งการที่จะทำให้คอมพิวเตอร์ หรือ RIP ที่เราใช้งานอยู่ รู้จักผลลัพธ์ทางการพิมพ์เหล่านี้จำเป็นต้องมีการสร้าง Printer Colour Profileเข้าไป ซึ่งอาจจะมีการติดตั้งมาพร้อมกับเครื่องพิมพ์หรือเราสามารถสร้างขึ้นมาเองก็ได้ โดยทั่วไปก็คือ ICC Profile



กระบวนการสร้าง Printer Colour Profile เองนั้น อาจจะสร้างจาก RIP ที่ควบคุมเครื่องพิมพ์ได้โดยตรง ในกรณีที่รองรับระบบการจัดการสีอยู่แล้ว หรือ ใช้โปรแกรมภายนอกเป็นตัวสร้างขึ้นมาก็ได้ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับกระบวนการนี้จำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์วัดค่าสีจำพวก SpectroPhotometerเพื่อสำหรับอ่านค่าสีของแบบทดสอบการแสดงสีหรือ ColourTest Chart ซึ่งรูปแบบและขนาดของแบบทดสอบจะเปลี่ยนไปตาม SpectroPhotometer โดยทั่วไป Test Chart ที่มีจำนวนช่องสีที่ใช้อ่านค่า จะให้ Colour Profile ที่แม่นยำมากกว่ากระบวนการควบคุมให้สีเหมือนกัน ไม่ได้จบแค่ที่การใช้ Printer Colour Profile อย่างเดียว แต่ยังคงมีปัจจัยที่สำคัญอีก เช่น การเลือกใช้ Reference Printing Condittionหรือ Colour Profile ที่ต้องการจำลอง เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการแปลงค่าสีไปยังวิธีการพิมพ์ที่แตกต่างกัน ในการทำงานจริง เราใช้ Colour Profile ที่ติดตั้งมากับโปรแกรมกราฟฟิคเช่น Adobe Photoshop, Illustrator, Indesign และมีความ
สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าหรืองานออกแบบ ซึ่งมักใช้ Colour Profile การพิมพ์ Offset แบบเคลือบผิว ซึ่งมีให้เลือกใช้หลายตัวเช่น CoatedFogra 39 , ISO Coated V2หรือตัวอื่นๆ ก็ได้ แต่ต้องเลือกค่านี้ให้สอดคล้องกันทั้งระบบถัดมาในเรื่องของการตั้งค่าของ Driver หรือ RIP ที่ใช้ควบคุมเครื่องพิมพ์ ควรเป็นรุ่นที่สามารถรองรับการตั้งค่าการ
จัดการสีได้ เพื่อเปิดโอกาสให้เราสามารถตั้งค่าได้ การทำงาน ของไดร์เวอร์ต่างรุ่น หรือ RIP ต่างยี่ห้อกัน ต่างเวอร์ชั่นกันบางครั้งค่าตั้งต้นที่ให้มากับโปรแกรมก็มีความแตกต่างกัน จึงทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาแตกต่างกัน ในกรณีที่ RIP ไม่รองรับ


การตั้งค่าการจัดการสี หรือ ไม่สามารถตั้งค่าการจัดการสีของRIP ทุกตัวให้เหมือนกันได้ เราอาจจำเป็นต้องใช้โปรแกรมจัดการสีภายนอกก่อนที่จะส่งไฟล์เข้าสู่กระบวนการผลิตต่อไปถ้าเราต้องการผลลัพธ์การควบคุมสีให้แม่นยำขึ้นหรือควบคุมการใช้หมีกได้มากขึ้น เราต้องเพิ่มวิธีการหรือเทคนิคเช่น การประยุกต์ใช้ Device Link, การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแยกสี หรือการชดเชยสมดุลเทาตามสีของวัสดุพิมพ์ ซึ่งRIP บางตัวมีการติดตั้งมาอยู่แล้ว หรืออาจจะต้องใช้โปรแกรมจัดการสีภายนอกจัดการก่อนก็ได้เช่นกันการตั้งค่าระบบการจัดการสีของเครื่องพิมพ์หรือ RIPให้จำลองค่าสีให้ไปในแนวทางเดียวกัน อาจจะเป็นเรื่องยากในตอนเริ่มต้น เพราะอาจจะไม่คุ้นเคยหรือไม่เคยเข้าไปตั้งค่าในส่วนดังกล่าว แต่ถ้าลองกลับไปทำดูจะพบว่า การตั้งค่าสีให้สอดคล้องกัน จะช่วยประหยัดเวลา ลดความสูญเสียจากการมีไฟล์หลายไฟล์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ ทั้งนี้อย่าละเลยเรื่องการตรวจสอบความคงที่ของเครื่องพิมพ์เพื่อผลลัพธ์ทางการพิมพ์ที่แม่นยำและควบคุมได้

Billion Plus ขอบคุณบทความดีๆจากนิตยาสาร Graphics&Sign Magazine by TABDA

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชนิดและรูปแบบไฟล์กราฟิก

ข้อดี ข้อเสีย ของวัสดุที่ใช้ในงานพิมพ์ชนิดต่างๆ

เทคโนโลยีอิงค์เจ็ท